การควบคุมคุณภาพในการตอกเสาเข็มเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในงานก่อสร้าง เนื่องจากเสาเข็มเป็นรากฐานสำคัญของโครงสร้างทั้งหมด หากเสาเข็มเกิดความผิดพลาดหรือไม่ได้มาตรฐาน ตอกเสาเข็มย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงแข็งแรงของอาคารทั้งหลัง เจ้าของโครงการจึงควรให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนอย่างละเอียดรอบคอบ ตั้งแต่การเลือกผู้รับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญ การเลือกใช้วัสดุตอกเสาเข็ม
ที่ได้มาตรฐาน ตอกเสาเข็มไปจนถึงการตรวจสอบขั้นตอนการทำงานในระหว่างการตอกเสาเข็ม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าโครงสร้างจะปลอดภัย มีอายุการใช้งานยาวนาน และลดความเสี่ยงจากปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตกระบวนการเริ่มต้นของการควบคุมคุณภาพในการตอกเสาเข็มคือการเลือกชนิดของเสาเข็มให้เหมาะสมกับสภาพดินและลักษณะของโครงสร้าง ตอกเสาเข็มโดยการสำรวจดิน (Soil Investigation) ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การควบคุมคุณภาพที่ดีไม่ได้เป็นเพียงหน้าที่ของวิศวกรหรือผู้รับเหมาเท่านั้น
เพราะข้อมูลจากการเจาะสำรวจดินจะช่วยให้วิศวกรสามารถคำนวณขนาด ความยาว และจำนวนเสาเข็มได้อย่างถูกต้องตามหลักวิศวกรรม ตอกเสาเข็มซึ่งหากไม่มีการสำรวจดินอย่างละเอียด ก็อาจนำไปสู่การเลือกเสาเข็มที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้โครงสร้างอาจเกิดการทรุดตัว หรือเกิดความเสียหายในระยะยาวได้ต่อมาคือการเลือกใช้เสาเข็มที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพและการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) โดยเสาเข็มควรมีความยาวตรงตามแบบ มีหน้าตัดที่ถูกต้อง และไม่มีรอยแตกร้าวหรือบิ่นที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการรับน้ำหนัก
ทั้งนี้ควรมีการตรวจสอบสภาพของเสาเข็มก่อนการตอกทุกต้น ตอกเสาเข็มและควรจัดเก็บเสาเข็มในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่วางบนพื้นดินโดยตรง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากความชื้นหรือแรงกระแทกจากการขนย้ายในระหว่างการตอกเสาเข็ม เจ้าของโครงการควรให้วิศวกรควบคุมงานอยู่ประจำไซต์ ตอกเสาเข็มเพื่อควบคุมและตรวจสอบให้เป็นไปตามแบบและมาตรฐาน เช่น ควบคุมแนวดิ่งของเสาเข็ม ควบคุมพลังงานตอกและจำนวนครั้งในการตอก
วิเคราะห์โดยวิศวกรเพื่อรับรองความปลอดภัยและประสิทธิภาพของเสาเข็ม
ตรวจสอบระยะความลึกที่เสาเข็มถูกตอกลงไป พร้อมทั้งบันทึกข้อมูลในระหว่างการตอกเสาเข็มของแต่ละต้นอย่างละเอียดในรายงานบริการรับตอกเสาเข็มซึ่งข้อมูลนี้จะช่วยในการวิเคราะห์และประเมินความสามารถในการรับน้ำหนักของเสาเข็ม รวมถึงตรวจสอบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการตอก เช่น เสาเข็มหัก เสาเข็มเบี่ยง หรือการตอกแล้วไม่ถึงค่าความต้านทานที่ต้องการ นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือที่ทันสมัย
เช่น เครื่องวัดแรงตอกหรืออุปกรณ์ตรวจสอบการทรุดตัวระหว่างการตอก ยังสามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมคุณภาพได้อีกด้วยอีกหนึ่งปัจจัยที่เจ้าของโครงการควรให้ความสนใจคือการตรวจสอบการเชื่อมต่อระหว่างเสาเข็มในกรณีที่มีการตอกต่อ (Splicing) เพราะจุดต่อของเสาเข็มเป็นบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายมากที่สุด หากการเชื่อมไม่ดีพอ อาจทำให้เสาเข็มหลุดหรือแตกหักในขณะตอกหรือขณะรับน้ำหนัก

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://thepileengineering.com/เสาเข็มไมโครไพล์/