Daily Archives: September 30, 2013

กรมชลฯเผยเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เร่งพร่องน้ำรับพายุหวู่ติ๊บเตือนประชาชนขนของขึ้นที่สูง

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสัก(30 ก.ย. 56) ว่า ด้วยยังคงมีฝนตกบริเวณเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอิทธิพลร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เป็นเหตุให้มีปริมาณน้ำท่าไหลลงอ่างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง นั้น

ปัจจุบัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำ 839 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 107 ของความจุเก็บกัก(785 ล้านลูกบาศก์เมตร) แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังพายุโซนร้อน “หวู่ติ๊บ (Wutip)” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนที่กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ที่คาดว่าจะเข้าฝั่งเวียดนามตอนบนในวันพรุ่งนี้(1 ต.ค.) ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา

ด้วยเหตุดังกล่าว กรมชลประทาน จำเป็นต้องเพิ่มการพร่องน้ำจากเขื่อนป่าสักเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ให้เกิดผลกระทบด้านท้ายน้ำในทันทีทันใด ในเกณฑ์ประมาณ 350 – 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งปัจจุบันได้พร่องน้ำอยู่ในเกณฑ์ 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในเกณฑ์ประมาณ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลักษณะดังกล่าว จะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก ด้านท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพิ่มขึ้นจากวันที่ 29 ก.ย. อีกประมาณ 65 เซนติเมตร ในท้องที่จังหวัดสระบุรี ส่วนด้านท้ายเขื่อนพระรามหก ในเขตอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.90 – 1.10 เมตร จากระดับน้ำปัจจุบัน

ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำหลากเนื่องจากอิทธิพลดังกล่าว ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน โดยสำนักชลประทานที่ 10 จึงได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเขตจังหวัดสระบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือน ประชาชน ที่อาศัยอยู่พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำ ขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นบนที่สูงหรือที่ปลอดภัยจากระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่ จะเพิ่มสูงขึ้นในระยะต่อจากนี้ และขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการน้ำอย่างใกล้ชิดต่อไปแล้ว

 

แหล่งข่าวจาก posttoday…

คอนโดสุขุมวิทเปิดตัวใหม่อย่างคึกคัก

ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณของฟองสบู่ในภาคอสังหาฯ ซึ่งการจะออกมาตรการมาคุมอาจทำให้ภาคอสังหาฯชะงักได้ โดยเฉพาะในส่วนของบ้านหลังแรก ส่วนบ้านหลังที่ 2 นั้นจะคุมหรือไม่คุมก็ได้ แต่ส่วนตัวเห็นว่าปัจจุบันนี้มีความจำเป็นเผื่อกรณีฉุกเฉิน จึงไม่ควรเข้มงวดเกินไป อย่างไรก็ตามบ้านหลังที่ 3 เป็นต้นไป ควรจะมีควรเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตทั้งการเก็งกำไรและฟองสบู่ แต่ต้องกำหนดคำนิยามของบ้านหลังแรกให้ชัดเจนเหมือนในต่างประเทศ ซึ่งบ้านหลังแรกคอนโดสุขุมวิทอาจไม่ใช่บ้านหลังแรกในชีวิต โดยอาจมีการกำหนดช่วงเวลาการซื้ออสังหาฯ ภายใน 5-10 ปีก็ได้ สำหรับมาตรการเพิ่มเงินดาวน์เป็นเพียงการคุมที่ปลายเหตุ จริงแล้วต้องคุมที่ต้นเหตุด้วย

โดยเฉพาะการปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการของแบงก์ เพราะที่น่าเป็นห่วงคือการเปิดโครงการในต่างจังหวัดมากและเร็วเกินไป ทั้งๆที่ระบบขนส่งมวลชนยังไปไม่ถึง โดยบางโครงการที่เปิดตัวปีจนถึงขณะนี้ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเกิดการแย่งผู้รับเหมาและแรงงานขาดแคลนด้วย จึงต้องจับตาว่าในปีนี้จะมีโครงการที่สร้างไม่เสร็จและเลื่อนไปปีหน้ามากน้อยแค่ไหน หรือมีการทิ้งใบจองหรือเงินดาวน์หรือไม่ อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาฟองสบู่ แต่หากผู้ประกอบการยังเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ๆเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง

ขณะที่มีความเสี่ยงต่างๆเกิดขึ้น ทั้งเศรษฐกิจแย่ลง เงินบาทแข็งค่า ส่งออกลดลง ก็อาจจะเห็นการทิ้งโครงการหรือสร้างไม่เสร็จเกิดขึ้น โดยพบว่าอสังหาฯทุกประเภทเปิดตัวใหม่อย่างคึกคัก โดยราคาที่ดินแพงขึ้นมาก โดยเฉพาะราคาซื้อขายสูงเกินราคาประเมินไปมาก ที่ดินย่านกลางๆ สุขุมวิทราคาตารางวาละ 1 ล้านบาท ขณะนี้ขยายมาถึงต้นซอยสุขุมวิทแล้ว แต่ผู้ประกอบการก็แข่งกันเปิดตามแนวรถไฟฟ้าอยู่ดี เพราะมองว่ายังมีกำลังซื้ออีกมาก ทางศูนย์อสังหาฯ ได้เตือนผู้ประกอบการไปแล้วว่าอย่าเร่งเปิดโครงการมากเกินไป แต่ในกทม.ไม่น่าห่วงเท่าต่างจังหวัด เพราะมีโอกาสที่จะขายได้ทั้งอยู่จริงหรือซื้อลงทุนและเก็งกำไร Click Here!!!